(VOVWORLD) -เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐกำลังเพิ่มการปฏิบัติทางการทูตและการเมืองเพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ฝ่ายต่างๆบรรลุข้อตกลงยุติการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนโดยเร็ว แต่อย่างไรก็ดี ความผันผวนต่างๆ แสดงให้เห็นว่า การปฏิบัติเป้าหมายนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เมื่อวันที่ 25 เมษายน นาย โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐได้ประกาศว่า ใกล้จะบรรลุข้อตกลงสันติภาพกับรัสเซียและยูเครน ซึ่งการประกาศดังกล่าวตั้งความหวังเกี่ยวกับการยุติการปะทะที่ยืดเยื้อมาเป็นเวลากว่า 3 ปีภายหลังการเจรจาที่ชะงักงันเป็นเวลานาน
การกำหนดเส้นตายของทางการสหรัฐ
การประกาศของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และข้อมูลต่างๆที่ถูกเผยแพร่ผ่านสื่อของฝ่ายตะวันตกในหลายวันที่ผ่านมาได้แสดงให้เห็นว่า กำลังมีความคืบหน้าต่างๆในการเจรจาเกี่ยวกับข้อตกลงสันติภาพเพื่อยุติการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทางการสหรัฐเสนอ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐ เช่น นาย สตีฟ วิตคอฟฟ์ ทูตพิเศษของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นผู้ที่เคยมีการพบปะสองครั้งกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดีเมียร์ ปูติน และกล่าวปราศรัยเกี่ยวกับข้อกำหนดของข้อตกลง รวมทั้งการประนีประนอมเกี่ยวกับดินแดนของทั้งรัสเซียและยูเครน
การกระทำต่างๆดังกล่าวได้แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทางการสหรัฐในการประสบความสำเร็จทางการทูตที่สำคัญในช่วงครบรอบ 100 วันที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ขึ้นดำรงตำแหน่งเพราะหนึ่งในการประกาศที่น่าสนใจในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ คือการยุติการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง นาย มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ประกาศว่า การปะทะนี้อาจยุติและทั้งสองฝ่ายต้องยอมรับสิ่งนี้
แต่อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญ James Nixey ผู้อำนวยการโครงการรัสเซียและเอเชีย-ยุโรป ณ สถาบัน Chatham House ของอังกฤษเผยว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐกับรัสเซียและยูเครนดำเนินไปไม่ราบรื่นเหมือนที่หวัง ซึ่งทำให้ทางการสหรัฐหมดความอดทนต่อสิ่งนี้ ซึ่งท่าทีนี้แสดงให้เห็นผ่านการประกาศของรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐหลังการเจรจากับเจ้าหน้าที่ของยูเครนและยุโรป ณ กรุงปารีส เมื่อวันที่ 18 เมษายนว่า สหรัฐจะยกเลิกบทบาทการเป็นคนกลางไกล่เกลี่ยถ้าหากการเจรจาไม่บรรลุความคืบหน้า ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ก็ย้ำถึงคำเตือนดังกล่าว เมื่อวันที่ 25 เมษายน โดยเผยว่า สหรัฐกำหนดเส้นตายสำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องถึงการปะทะแต่ไม่เปิดเผยรายละเอียด
“พวกเราอยากบรรลุข้อตกลงอย่างรวดเร็วและผมคิดว่า ฝ่ายต่างๆ รวมทั้งนาโต้อยากบรรลุเรื่องนี้ ผมจะมีกำหนดเส้นตายและหลังจากนั้น สหรัฐจะมีท่าทีอื่น”
พื้นที่แห่งหนึ่งในกรุงเคียฟถูกโจมตีเมื่อวันที่ 24 เมษายน (Photo:Reuters) |
กรณีที่สหรัฐเลิกตัวกลางการเจรจา
คำถามในปัจจุบันคือการเพิ่มแรงกดดันของทางสหรัฐสามารถบังคับให้ทั้งรัสเซียและยูเครนประนีประนอมเพื่อบรรลุข้อตกลงได้หรือไม่ ในการให้สัมภาษณ์ช่องโทรทัศน์ CBS ของสหรัฐ นาย เซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียเผยว่า การเจรจาระหว่างรัสเซียกับสหรัฐกำลังเดินถูกทิศทางและยังมีบางข้อกำหนดที่ต้องได้รับการหารือ ส่วนยูเครนได้แสดงจุดยืนที่แข็งกร้าวมากขึ้นเมื่อประกาศว่า ไม่ยอมรับบางข้อเสนอเกี่ยวกับการประนีประนอมและการรับรองดินแดนที่ถูกระบุในข้อตกลงของสหรัฐ ส่วนประเทศยุโรปต่างๆ กำลังจัดทำมาตรการช่วยเหลือยูเครนและไม่สนับสนุนการที่สหรัฐบังคับให้ยูเครนยอมรับข้อตกลง เนื่องจากเห็นว่า มีบางข้อกำหนดที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อยูเครน ดังนั้น ถ้าหากไม่สามารถบรรุลความคืบหน้า สหรัฐก็อาจยุติการทำหน้าที่เป็นคนกลาง ผู้เชี่ยวชาญ James Nixey ให้ข้อสังเกตว่า
“สหรัฐอาจยกเลิกการหารือเกี่ยวกับยูเครน ดังนั้น ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่สหรัฐเคยประกาศว่าสามารถแก้ไขได้ ก็มีความเป็นไปได้ที่ทางการสหรัฐจะไม่เข้าร่วมการแก้ไขการปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครน”
ถ้าหากกรณีนี้เกิดขึ้น การปะทะระหว่างรัสเซียกับยูเครนอาจยืดเยื้อเป็นเวลานานและผลที่ตามมาก็ยากที่จะคาดเดาได้ ผู้เชี่ยวชาญ James Nixey เห็นว่า ทั้งรัสเซียและยูเครนสามารถยืนหยัดแผนการต่างๆ ถ้าหากเห็นว่า ข้อตกลงสันติภาพที่สหรัฐเสนอไม่ตอบสนองความต้องการของตน ซึ่งผลที่ตามมาจากการปะทะนี้อาจเพิ่มความไร้เสถียรภาพให้แก่โลก ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ.