เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม และเลขาธิการอาเซียน Kao Kim Hourn ร่วมตัดเค้กเพื่อเฉลิมฉลองครบรอบ 30 ปีการที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน ณ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเดือนมีนาคมปี 2025 (TTXVN)

วันที่ 28 กรกฎาคม ปี1995 ณ กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน ท่ามกลางเสียงเพลงชาติอันทรงเกียรติของเวียดนาม ธงชาติเวียดนามโบกสะบัดเคียงข้างกับธงชาติของอีก 6 ประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งประกอบด้วยสิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทยและบรูไน ถือเป็นการเปิดหน้าใหม่ในประวัติศาสตร์ของภูมิภาค นั่นคือเวียดนามได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกที่ 7 ของอาเซียนอย่างเป็นทางการ ซึ่งถือเป็นนิมิตหมายบนเส้นทางการผสมผสานเข้ากับกระแสภูมิภาคและโลกของเวียดนาม พร้อมทั้งเป็นก้าวเดินในการปฏิบัติวิสัยทัศน์ของบรรดาผู้ก่อตั้งอาเซียนให้กลายเป็นจริง นั่นคือการสร้างภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เป็นหนึ่งเดียวและเชื่อมโยงกันด้วยความคาดหวังร่วมกันเกี่ยวกับสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง

แปรวิสัยทัศน์ของกลุ่มให้กลายเป็นความจริง

การที่เวียดนามเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนเมื่อปี 1995 ถือเป็นแรงผลักดันให้แก่การขายจำนวนสมาชิกอาเซียนในภูมิภาค นำไปสู่การรับลาวและมาเลเซียเข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 1997 และกัมพูชาเมื่อปี 1999 เพื่อแปรวิสัยทัศน์เกี่ยวกับอาเซียน – 10 ให้กลายเป็นความจริง นาย Kao Kim Hourn เลขาธิการอาเซียนยืนยันว่า

“เราสามารถเห็นคำมั่นของเวียดนามอย่างชัดเจนผ่านแถงการณ์ฮานอยเมื่อปี 2001 ว่าด้วยการลดช่องว่างแห่งการพัฒนาเพื่อมุ่งสู่การผสมผสานภายในอาเซียนอย่างแน่นแฟ้นมากขึ้น รวมทั้งย้ำถึงความรับผิดชอบร่วมของเวียดนามในการนำกัมพูชา ลาว เมียนมาร์และเวียดนามเข้ากระแสเศรษฐกิจอาเซียน ส่วนบทบาทการเป็นผู้แนะแนวของเวียดนามก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนในปีที่เวียดนามดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียนในวาระปี 1998 ปี 2010 และปี 2020 โดยในแต่ละวาระนี้ เวียดนามมีผลงานที่น่าจดจำและมีส่วนร่วมต่อการกำหนดแนวทางของอาเซียน”

30 ปีนับตั้งแต่ที่เข้าเป็นสมาชิกของอาเซียน เวียดนามมีบทบาทเป็นฝ่ายรุกในการกระชับและส่งเสริมความสัมพันธ์การต่างประเทศของอาเซียน เชื่อมโยงนโยบายการต่างประเทศหลายรูปแบบหลายฝ่ายพร้อมกับวิสัยทัศน์เชิงยุทธศาสตร์ที่ครอบคลุมของอาเซียน เอกอัครราชทูตมาเลเซียประจำอาเซียน Sarah Al Bakri Devadason ซึ่งเป็นประเทศที่ดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนอาเซียน 2025 ได้แสดงความคิดเห็นว่า เวียดนามมีบทบาทที่ขาดไม่ได้บนเส้นทางของอาเซียน

“ในตลอด 30 ปีที่ผ่านมา ในกลุ่มอาเซียนที่ผสมผสานในด้านเศรษฐกิจ เสรีภาพด้านการค้า ตลาดเปิดกว้างและมีความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ในด้านการเมืองนั้น ไม่สามารถขาดได้ส่วนร่วมของเวียดนาม ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยกระชับความร่วมมือภายในกลุ่มเท่านั้น หากยังเป็นสะพานเชื่อมกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอาเซียนกับหุ้นส่วนอีกด้วย อาจกล่าวได้ว่า ในครอบครัวอาเซียนที่มีสมาชิกรวม 10 ประเทศในปัจจุบัน เวียดนามมีบทบาทสำคัญมากและไม่สามารถขาดได้ในการตัดสินใจนโยบายต่างๆ และการกำหนดภูมิภาคของอาเซียน”

กำหนดอนาคตของอาเซียน

ในขณะที่อาเซียนอนุมัติวิสัยทัศน์ประชาคมปี 2045 ในปีนี้ อาเซียนได้ตั้งความหวังต่อเวียดนามว่า จะมีบทบาทเป็นแกนหลักในการกำหนดอนาคตร่วมของอาเซียนต่อไป เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำอาเซียน Tiffany McDonald แสดงความคิดเห็นว่า

“ออสเตรเลียร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับเวียดนามอยู่เสมอ ซึ่งไม่เพียงแต่ในระดับทวิภาคีเท่านั้น หากยังในกรอบอาเซียนอีกด้วย แถลงการณ์ฮานอย 2020 ได้ช่วยแปรวิสัยทัศน์ในระยะยาวให้แก่อนาคตของอาเซียนให้กลายเป็นความจริง การที่ผู้นำบรรดาประเทศอาเซียนได้อนุมัติวิสัยทัศน์ประชาคมอาเซียน 2045 ในปีนี้ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาทสำคัญของเวียดนามในการผลักดันระเบียบวาระการประชุมของอาเซียน”

ในสภาวการณ์ที่อาเซียนกำลังต้องรับมือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ทั้งภายในและนอกภูมิภาค หลายประเทศได้ตั้งความหวังต่อเวียดนามว่าจะมีบทบาทมากขึ้นในอาเซียน กลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอาเซียนกับประเทศหุ้นส่วนสนทนา เอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำอาเซียน Kiya Masahiko กล่าวว่า

“เวียดนามตั้งอยู่บนเส้นทางทะเลที่สำคัญระหว่างมหาสมุทรแปซิฟิกกับมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งเป็นหุ้นส่วนหลักในการแก้ไขความท้ายด้านความมั่นคงในภูมิภาคและโลก ซึ่งไม่เพียงแต่ในปัญหาความมั่นคงเท่านั้น เวียดนามยังเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจพัฒนาในอาเซียนอีกด้วย โดยให้ความสนใจถึงการผลิตในสภาวการณ์ที่การโยกย้ายห่วงโซ่อุปทานเพื่อมีส่วนร่วมแปรเป้าหมายของวิสัยทัศน์อาเซียนเกี่ยวกับอินโด – แปซิฟิกให้กลายเป็นความจริง”

การเข้าเป็นสมาชิกของอาเซียนเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ทันการณ์ มีความหมายทางประวัติศาสตร์และยุทธศาสตร์ที่สำคัญของเวียดนาม การมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาของอาเซียนเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญของการทูตพหุภาคีของเวียดนามต่อไป โดยเวียดนามให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ต่อความร่วมมือกับบรรดาประเทศสมาชิกพยายามเสริมสร้างความสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียว ให้ความสำคัญต่อหลักการขั้นพื้นฐาน ธำรงบทบาทการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน ขยายและกระชับความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนต่างๆ ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น ยกระดับทักษะความสามารถในการพึ่งตนเองและการปรับตัวของอาเซียนในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกและภูมิภาคเต็มไปด้วยความซับซ้อน.