การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม

(VOVWORLD) -การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในหน่วยงานภาครัฐไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานเท่านั้น แต่ยังเอื้อประโยชน์ต่อภาคเอกชนและประชาชนในการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างพื้นฐานให้แก่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในภาพรวม
การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม - ảnh 1ฟอรั่มเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐถือเป็นพื้นฐานในการพัฒนาพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม
 
 

การปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐถือเป็นปัจจัยหลักในการยกระดับประสิทธิภาพการบริหารภาครัฐและการปรับปรุงระบบราชการให้ทันสมัย อีกทั้งกลายเป็นเงื่อนไขที่สำคัญเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหาร ปฏิรูประบบราชการ และยกระดับคุณภาพของการบริการภาครัฐ นาย เล เหงวียน เจื่อง ยาง (Lê Nguyễn Trường Giang) ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์แห่งการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล สมาคมสื่อสารมวลชนดิจิทัลเวียดนาม เผยว่า

“ปัจจุบัน สำหรับกลุ่มประเทศที่ประสบความสำเร็จด้านเทคโนโลยีดิจิทัล รัฐบาลมีบทบาทที่แข็งแกร่งและเป็นผู้เดินหน้าในการผลักดันการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล ซึ่งการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลนั้นมีส่วนสำคัญในการปฏิรูประบบราชการ โดยรัฐบาลมีบทบาทเป็นรากฐานในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาของเศรษฐกิจดิจิทัล”

กระบวนการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลในเวียดนามกำลังได้รับการดำเนินการอย่างกว้างลึกในทุกภาคส่วน โดยรัฐบาลได้ประกาศโครงการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลแห่งชาติจนถึงปี 2025 วิสัยทัศน์ถึงปี 2030 ซึ่งระบุ 3 เสาหลัก ได้แก่ รัฐบาลดิจิทัล เศรษฐกิจดิจิทัล และสังคมดิจิทัล ถือเป็นเข็มทิศนำทางที่สำคัญสำหรับการเปลี่ยนผ่านอย่างครอบคลุม กว้างลึก และยั่งยืนในเวียดนาม ในส่วนการบริหารภาครัฐ การจัดตั้งฐานข้อมูลประชาชนระดับชาติได้นำมาซึ่งผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม โดยมีการค้นหาข้อมูลกว่า 1 พัน 3 ร้อยล้านครั้ง และการซิงค์ข้อมูลกว่า 537 ล้านครั้ง สร้างความเชื่อมโยงกับหน่วยงานภาครัฐและท้องถิ่นทุกจังหวัดทั่วประเทศ สำหรับแอปพลิเคชั่นระบุตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ VNeID ก็มีการใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรองรับการให้บริการภาครัฐออนไลน์ สาธารณสุข การศึกษา การเงิน และธนาคาร จนถึงปลายปี 2024 บริการภาครัฐประมาณร้อยละ 46 ของดำเนินการแบบเบ็ดเสร็จผ่านระบบออนไลน์ และมุ่งเป้าที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 80 ภายในปี 2025 ส่วนตามรายงานของสหประชาชาติ ระบุว่า ในปี 2024 เวียดนามได้ขยับขึ้น 15 อันดับในดัชนีการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์หรือ EGDI โดยอยู่ในอันดับที่ 71 จากทั้งหมด 193 ประเทศทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามในการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการภาครัฐและการบริหารแบบดิจิทัล คาดว่า ขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลของเวียดนามในปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เวียดนามได้ตั้งเป้าหมายที่จะกลายเป็นประเทศดิจิทัลภายในปี 2030พร้อมเดินหน้าในการทดลองเทคโนโลยีและรูปแบบธุรกิจใหม่ ๆปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ กระบวนการผลิตของภาคเอกชน และวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างครอบคลุม พร้อมพัฒนาสภาพแวดล้อมดิจิทัลอย่างปลอดภัยและกว้างขวาง นาย จื๋อ ดึ๊ก ฮว่าง (Chử Đức Hoàng) หัวหน้าสำนักงานกองทุนนวัตกรรมแห่งชาติ กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเวียดนาม เผยว่า

“เวียดนามมีความประสงค์ว่า ภายในปี 2030 จะกลายเป็นประเทศที่มีการพัฒนารุ่งเรือง เท่าเทียม และปลอดภัย ด้วย 3 เสาหลัก คือ เศรษฐกิจดิจิทัล สังคมดิจิทัล และรัฐบาลดิจิทัล คาดว่า การปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลจะมีสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 30 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ โดยเวียดนามจะอยู่ในรายชื่อท็อป 30 ประเทศด้านการปฏิรูปการบริการภาครัฐ ด้วยการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์ การปรับใช้รูปแบบทรัพยากรส่วนบุคคล พร้อมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีสารสนเทศที่มีคุณภาพสูง”

การปรับเปลี่ยนสู่ดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม - ảnh 2นาย เล เหงวียน เจื่อง ยาง ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์แห่งการปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัล สมาคมสื่อสารมวลชนดิจิทัลเวียดนาม

การปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐในเวียดนามไม่ได้จำกัดความอยู่เพียง “อินเทอร์เน็ต เซิร์ฟเวอร์ หรือทักษะด้านไอที” แต่รวมถึงการสร้างระบบนิเวศสำหรับการประสานงานดิจิทัล นาย ฮว่าง เหงียน เวิน (Hoàng Nguyên Vân) รองผู้อำนวยการสถาบันนวัตกรรมและการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัล และ CTO ของบริษัท SAVIS Group กล่าวว่า

“สิ่งที่สำคัญคือ การแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัลในทุกขั้นตอนและให้บริการที่ครบวงจรแก่ประชาชน โดยพวกเราต้องสร้างฐานข้อมูลที่สมบูรณ์ ซึ่งแพลตฟอร์มนี้ต้องสามารถบูรณาการกับบริการที่หลากหลายและเชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มข้อมูลบริการอื่น ๆ ได้ หน่วยงานท้องถิ่นต้องใช้แนวทางแบบหลายช่องทาง (Multi-channel) โดยมุ่งเน้นที่ประชาชนและภาคเอกชนเป็นหลัก เข้าถึงประชาชนผ่านทุกช่องทางอย่างครอบคลุมพวกเราต้องสร้างสถาปัตยกรรมดิจิทัลแบบองค์รวมและโครงสร้างพื้นฐาน โดยให้ความสำคัญกับแพลตฟอร์มข้อมูลที่สามารถบูรณาการบริการกับแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ พร้อมมีมาตรฐานกลางที่ชัดเจน เพื่อสามารถนำปัญญาประดิษฐ์เข้ามาประยุกต์ใช้ และต่อยอดไปสู่การให้บริการผ่านสมาร์ทโฟนหรือช่องทางอื่น ๆ”

ผลลัพธ์ของการปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลนั้น ได้ส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและด้านต่าง ๆ เช่น สาธารณสุข การศึกษา การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และผลิตภาพแรงงาน นาย เหงียน มินค์ โคย (Nguyễn Minh Khôi) ผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายและการเปลี่ยนแปลงจากสถาบัน Tony Blair Institute for Global Change เผยว่า

“การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐคือ เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจและภาคเอกชนให้ดีขึ้น ซึ่งควรส่งเสริมการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลให้ทั่วถึง แต่ยังต้องทดลองในบางภาคส่วนเป็นการนำร่อง เช่น ธนาคารและการเงิน เพราะเป็นด้านเฉพาะทาง นอกจากนี้ ควรส่งเสริมการใช้ AI ในการบริหารราชการผ่านระบบดิจิทัล พร้อมสร้างสรรค์พันธมิตรที่มีขีดความสามารถด้านดิจิทัลในส่วนราชการ ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันกำหนดกลยุทธ์ กำกับดูแล และเสนอแนวทางดำเนินงานที่เหมาะสม”

ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนสู่ยุคดิจิทัลของหน่วยงานภาครัฐกำลังกลายเป็นปัจจัยหลักเชิงกลยุทธ์ในการปฏิรูปภาครัฐของเวียดนาม โดยยกระดับคุณภาพบริการภาครัฐให้แก่ภาคธุรกิจและประชาชน พร้อมกับเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารงานของพรรคและรัฐบาล.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด