งาน“วันแห่งเซมิคอนดักเตอร์ดานัง”

นครดานังถูกเลือกให้เป็นศูนย์กลางทางการเงินระดับนานาชาติ พร้อมเป็นผู้บุกเบิกด้านนวัตกรรมและการพัฒนาเทคโนโลยีหลักในเวียดนามและภูมิภาค ดังนั้น ทางการปกครองท้องถิ่นได้กำหนดการผลิตไมโครชิปเซมิคอนดักเตอร์ไว้ในกลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูงที่ต้องให้ความสำคัญในการพัฒนาจนถึงปี 2030 วิสัยทัศน์ถึงปี 2045 รองศาสตราจารย์ ดอกเตอร์ หวูหายเกวิน (Vũ Hải Quân) ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแห่งชาตินครโฮจิมินห์ แสดงความเห็นว่า

“นครดานังเป็นหนึ่งในเมืองนำร่องของเวียดนามในการพัฒนาเทคโนโลยีชิปเซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งบรรดาผู้บริหารของเมืองยังได้วางแผนงานเฉพาะอย่างละเอียด นอกจากนี้ ที่นี่ยังได้มีการเริ่มโครงการห้องปฏิบัติการให้กับกระบวนการผลิตเทคโนโลยีบรรจุภัณฑ์ขั้นสูงสำหรับไมโครชิปเซมิคอนดักเตอร์ หรือ Fab-Lab ซึ่งจะสามารถนำเทคโนโลยีชิปเซมิคอนดักเตอร์มาสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยพัฒนาประเทศ”

นอกจากนี้ ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนา นครดานังยังเป็นท้องถิ่นแรกของประเทศที่ประกาศ“วันแห่งเซมิคอนดักเตอร์ดานัง” ด้วยการมีส่วนร่วมของกลุ่มผู้ประกอบการด้านเซมิคอนดักเตอร์ รวมถึงกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากและนับวันเพิ่มมากขึ้น ได้ยืนยันถึงความน่าดึงดูดและสถานะของเมืองบนแผนที่เซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนาม นาย เลืองเหงวียนมิงเจี๊ยด (Lương Nguyễn Minh Triết) ประธานคณะกรรมการประชาชนนครดานัง ได้มีการรณรงค์ในงาน “วันแห่งเซมิคอนดักเตอร์ดานัง” ครั้งที่ 2 ซึ่งถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า

“พวกเรากำลำย่างเข้าสู่ยุคใหม่แห่งการพัฒนา ซึ่งนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์คือกุญแจสำคัญในการก้าวข้ามขีดจำกัดต่าง ๆ เพื่อช่วยให้เวียดนามหลุดพ้นจากความเสี่ยงที่จะตกเป็นประเทศล้าหลัง มุ่งสู่ความปรารถนาที่อยากกลายเป็นประเทศที่มั่งคั่งและเจริญรุ่งเรือง ด้วยสติปัญญา ความทุ่มเท และความคิดริเริ่มของทุกคน จะมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อเส้นทางนี้ ไม่เพียงแค่สำหรับนครดานังเท่านั้น แต่สำหรับทั่วทั้งประเทศเวียดนาม”

นาย เลืองเหงวียนมิงเจี๊ยด  ประธานคณะกรรมการประชาชนนครดานัง

ปัจจุบัน ทางการนครดานังได้ลงนามและสร้างความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำขนาดใหญ่หลายแห่งจากญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี สหรัฐอเมริกา และไต้หวัน ประเทศจีน ในด้านอิเล็กทรอนิกส์และชิปเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะเดียวกัน ยังมีการส่งเสริมโครงการฝึกอบรมวิศวกรเซมิคอนดักเตอร์จำนวน 10,000 คน เพื่อสร้างความเชื่อมโยงระหว่างโรงเรียน สถาบันวิจัย และองค์กรธุรกิจ นี่เป็นก้าวเดินเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการแก้ไขปัญหาด้านบุคลากร ซึ่งถือเป็น "หัวใจสำคัญ" ของอุตสาหกรรมแขนงนี้ นาย เจิ่นฟู้เซิน (Trần Phú Sơn) ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัท FPT Semiconductor สังกัดเครือ FPT Technology Group เผยว่า

“เครือบริษัท FPT ได้เล็งเห็นถึงความต้องการด้านบุคลากรอย่างชัดเจน ตอนนี้ ทั้งมหาวิทยาลัย FPT และวิทยาลัย FPT Polytechnic ได้มีโครงการฝึกอบรม เพื่อให้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะสามารถผลิตวิศวกรที่สำเร็จการศึกษาด้านเซมิคอนดักเตอร์หลายพันคนต่อปี ปัจจุบัน ที่เครือบริษัท FPT ปัญญาประดิษฐ์หรือ AI และเซมิคอนดักเตอร์เป็น 2 ใน 5 สาขาหลักที่บริษัทกำลังมุ่งพัฒนา ซึ่งการจับคู่ระหว่างเซมิคอนดักเตอร์เข้ากับ AI เพื่อผลิตอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์”

นอกจากนี้ นิคม Da Nang High-Tech Park และอุทยานเทคโนโลยีสารสนเทศแบบเข้มข้น กำลังถูกวางผังให้กลายเป็นศูนย์กลางในการดึงดูดองค์กรธุรกิจทั้งในและต่างประเทศให้เข้ามาลงทุน เพื่อสร้างระบบนิเวศเซมิคอนดักเตอร์ที่ครอบคลุม

ในอนาคต นครดานังอาจกลายเป็น “เมืองหลวงแห่งเทคโนโลยีขั้นสูงทางภาคกลางเวียดนาม” โดยการพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ไม่เพียงแค่เปิดประตูบานใหม่สู่การเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังส่งเสริมให้นครดานังมีการบูรณาการเข้ากับห่วงโซ่คุณค่าระดับโลกได้อย่างกว้างลึก ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ในการแข่งขันทางเทคโนโลยีที่นับวันดุเดือด การกำหนดเส้นทางการผลิตเซมิคอนดักเตอร์เป็นของตัวเองจะช่วยให้เมืองแห่งนี้สามารถยกระดับสถานะของตนทั้งภายในประเทศและก้าวสู่ระดับภูมิภาคอีกด้วย

ทั้งนี้ นครดานังกำลังมีโอกาสครั้งใหญ่ในการยืนยันบทบาทการเป็นผู้เดินหน้าในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของเวียดนาม ด้วยความมุ่งมั่นทางการเมือง กลยุทธ์การพัฒนาที่ชัดเจน พร้อมความร่วมมือจากภาคเอกชน สถาบัน และกลุ่มพันธมิตรระหว่างประเทศ นครดานังจะสามารถกลายเป็นดาวเด่นบนแผนที่อุตสาหกรรมไมโครชิปและเซมิคอนดักเตอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างแน่นอน./.