การเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ บรรลุผลงานในเชิงบวก
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -การเยือนภูมิภาคตะวันออกกลางของประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ที่มีขึ้นในระหว่างวันที่ 13 -16 พฤษภาคมได้ประสบความสำเร็จเนื่องจากสหรัฐได้ลงนามสัญญาต่างๆ รวมมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งช่วยเพิ่มอิทธิพลด้านภูมิรัฐศาสตร์ของสหรัฐในภูมิภาคนี้ให้กลับมาอีกครั้ง
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดีสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โมฮัมเหม็ด บิน ซายิด อัลนะฮ์ยาน (Photo: TTXVN) |
ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เดินทางไปเยือน 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลางประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในระหว่างวันที่ 13-16 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเยือนต่างประเทศครั้งแรกของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ในการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐสมัยที่ 2
การลงนามสัญญาต่างๆ
การเยือนครั้งนี้ของนาย โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประสบผลสำเร็จใหญ่ด้านเศรษฐกิจเนื่องจากสหรัฐและ 3 ประเทศเหล่านี้ได้ลงนามสัญญาต่างๆ และบรรลุคำมั่นด้านการลงทุนในระยะยาว มูลค่านับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยที่ซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางแรกในกรอบการเยือน ประธานาธิบดีสหรัฐและผู้นำซาอุดิอาระเบียได้ลงนามข้อตกลงต่างๆ มูลค่ากว่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐและซาอุดิอาระเบียได้ให้คำมั่นที่จะลงทุนเงินจำนวน 6 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในสหรัฐ ก่อนหน้านั้น หลังจากที่เดินทางถึงซาอุดิอาระเบีย ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และเจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียได้ลงนามข้อตกลงความสัมพันธ์หุ้นส่วนเศรษฐกิจยุทธศาสตร์ระหว่างสหรัฐกับซาอุดิอาระเบีย ซึ่งประกอบด้วยบันทึกช่วยจำและข้อตกลงความร่วมมือในด้านพลังงาน แร่ธาตุและกลาโหม โดยเฉพาะข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม มูลค่าเกือบ 1 แสน 4 หมื่น 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อยกระดับความสามารถของกองทัพซาอุดิอาระเบียให้มีความทันสมัย
ส่วนที่ประเทศกาตาร์ กษัตริย์แห่งกาตาร์ ชีค ทามิม บิน ฮามัด อัล ธานี และประธานาธิบดีสหรัฐได้บรรลุสัญญาต่างๆ มูลค่าถึง1.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งน่าสนใจที่สุดคือข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบินของสายการบินกาตาร์แอร์เวย์จากบริษัทโบอิ้งจำนวน 210 ลำ ซึ่งเป็นคำสั่งซื้อที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัทโบอิ้ง ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เผยว่า ข้อตกลงนี้มีมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งในนั้น 1 แสน 6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นข้อตกลงสั่งซื้อเครื่องบิน ส่วนที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และผู้นำสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจที่น่าประทับใจ รวมทั้งข้อตกลงความร่วมมือด้านกลาโหม พลังงานและเทคโนโลยี โดยเฉพาะสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ยืนยันอีกครั้งถึงคำมั่นที่เคยประกาศเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา คือจะลงทุนในประเทศสหรัฐมูลค่า 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในอีก 10 ปีข้างหน้า
บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจเผยว่า การที่สหรัฐและ 3 ประเทศที่ร่ำรวยที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลางลงนามข้อตกลงเศรษฐกิจต่างๆ มูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐถือเป็นความสำเร็จของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ส่วนสำหรับประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง สิ่งที่น่าสนใจคือนอกจากความร่วมมือด้านกลาโหมและพลังงานแล้ว ในกรอบการเยือนนี้ สหรัฐได้ผลักดันความร่วมมือด้านเทคโนโลยีกับประเทศต่างๆ เช่น การจัดสรรชิป AI ขั้นสูง 18,000 ชิ้นของ Nvidia ให้แก่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่งเสริมความร่วมมือด้าน AI และระบบ 5 จี กับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นาย Imad Al-Abdulqader ผู้เชี่ยวชาญที่ปรึกษาด้านการประกอบธุรกิจและนโยบายของเครือบริษัท DGA ของซาอุดิอาระเบียให้ข้อสังเกตว่า นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงจุดยืนใหญ่ของสหรัฐเกี่ยวกับความร่วมมือกับภูมิภาคตะวันออกกลาง
“บรรดาสถานประกอบการและประชาชนในภูมิภาคตะวันออกกลางมีความประสงค์ที่จะร่วมมือมากขึ้นกับบริษัทสหรัฐและบริษัทต่างๆในโลกหลังจากที่ประสบอุปสรรคในการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างจริงจังและวงเงินลงทุนในระยะยาวจากสหรัฐ”
ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ พบปะกับเจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ณ กรุงริยาดเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม (Photo: TTXVN)
|
ผลงานด้านการทูต
นอกจากด้านเศรษฐกิจ การเยือนซาอุดิอาระเบีย กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ของประธานาธิบดีสหรัฐสะท้อนสัญญาณด้านการทูตที่สำคัญ โดยที่ซาอุดิอาระเบีย ประธานาธิบดีสหรัฐได้พบปะกับ ผู้นำคนใหม่ของซีเรีย โดยมีเจ้าชาย โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมาร แห่งซาอุดิอาระเบียเป็นคนกลาง นี่เป็นการพบปะครั้งแรกระหว่างผู้นำสองประเทศในรอบ 25 ปี ก่อนการพบปะนี้ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศว่า จะยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรต่อซีเรียที่บังคับใช้ในหลายปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งส่งเสริมให้ซีเรียปรับความสัมพันธ์เป็นปกติกับประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ รวมทั้งอิสราอล
บรรดาผู้สังเกตการณ์เผยว่า นี่เป็นความสำเร็จด้านการทูตของซาอุดิอาระเบียและตุรกี ซึ่งเป็นประเทศที่สนับสนุนผู้นำชุดใหม่ของซีเรียและมีความประสงค์ที่จะผลักดันกระบวนการฟื้นฟูซีเรียที่ได้รับความเสียหายจากการปะทะ แต่อย่างไรก็ดี การที่ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ผลักดันการยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรและปรับความสัมพันธ์กับซีเรียให้เป็นปกติถือเป็นข้อดีของนโยบายการต่างประเทศสหรัฐในภูมิภาคตะวันออกกลาง โดยเฉพาะในสภาวการณ์ที่วิธีการเข้าถึงการปะทะระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาของทางการสหรัฐถูกตำหนิ นาง Rosemary Kelanic ผู้อำนวยการโครงการตะวันออกกลางขององค์การ DPO ของสหรัฐได้ให้ข้อสังเกตว่า
“มีหลายสาเหตุที่ทำให้สหรัฐยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรต่อซีเรีย คือประชาชนซีเรียได้รับความเสียหายอย่างหนักเนื่องจากคำสั่งคว่ำบาตรนี้ ในหลายปีที่ผ่านมา พวกเขายังได้รับผลกระทบอย่างหนักจากภัยธรรมชาติ โดยเฉพาะเหตุแผ่นดินไหวเมื่อต้นปี 2024 และอัตราผู้ยากจนที่อยู่ในระดับสูง ดังนั้นถ้าหากอยากฟื้นฟูซีเรียและป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหม่ ต้องยกเลิกคำสั่งคว่ำบาตรต่างๆ และร่วมมือกับผู้นำชุดใหม่ของซีเรีย”
นอกจากปัญหาซีเรีย ในกรอบการเยือน 3 ประเทศในภูมิภาคตะวันออก ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ยังหารือกับผู้นำประเทศต่างๆเกี่ยวกับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสหรัฐกับกลุ่มฮูตีในเยเมนและวิสัยทัศน์ของสหรัฐต่อการยุติการปะทะในฉนวนกาซา ซึ่งสำหรับปัญหานิวเคลียร์ของอิหร่าน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ยืนยันอีกครั้งว่า ให้ความสำคัญต่อมาตรการทางการทูตเพื่อบรรลุข้อตกลงกับอิหร่าน พร้อมทั้งเชิดชูบทบาทการเป็นคนกลางของกาตาร์และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในปัญหานี้ ซึ่งถือเป็นสัญญาณในเชิงบวก ที่ช่วยลดความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มของการเพิ่มความตึงเครียดรอบใหม่ระหว่างสหรัฐและอิสราเอลกับอิหร่านในเวลาที่จะถึง.
Quang Dung- VOV5