(VOVWORLD) - ในปี 2024 ภาคเศรษฐกิจต่างๆของเวียดนามมีการเติบโตที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงาน เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตที่ร้อยละ 8 ในปี 2025 ตามแผนการที่รัฐบาลได้วางไว้ หนึ่งในหน้าที่ที่สำคัญเป็นอันดับต้นๆคือเวียดนามต้องค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานต่อไป
พลังงานมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืนของประเทศต่างๆ รวมทั้งเวียดนาม ดังนั้น การค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานจึงเป็นเนื้อหาที่ได้รับความสนใจเป็นอันดับต้นๆในยุทธศาสตร์การพัฒนาของประเทศ
ความต้องการด้านพลังงานของภาคเศรษฐกิจ
รายงานของเครือบริษัทไฟฟ้าเวียดนามหรือ EVN ได้แสดงให้เห็นว่า ความต้องการไฟฟ้าของเวียดนามเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเกือบร้อยละ 10 ต่อปีในช่วงปี 2011-2020 และคาดว่า จะเพิ่มขึ้น 3 เท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า
ตามการคำนวณ การเติบโตทางเศรษฐกิจทุกๆ ร้อยละ 1 จะทำให้ความต้องการไฟฟ้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 ในปี 2024 เวียดนามไม่เกิดปัญหาการขาดแคลนไฟฟ้าถึงแม้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 11-13 เมื่อเทียบกับปี 2023 การค้ำประกันไฟฟ้าอย่างเพียงพอได้มีส่วนร่วมที่สำคัญต่อการดึงดูดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในสภาวการณ์ที่การลงทุนทั่วโลกลดลง โดยในปี 2024 อัตราการเบิกจ่ายเงิน FDI ของเวียดนามอยู่ในระดับสูงที่สุดในรอบหลายปี และการเติบโตของ GDP ก็บรรลุกว่าร้อยละ 7 ด้วยเป้าหมายการเติบโตในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จะต้องเพิ่มปริมาณการผลิตไฟฟ้าขึ้นอีกอย่างน้อยร้อยละ 10 เพื่อค้ำประกันการผลิต การดำรงชีวิตของประชาชนและการรักษาความเชื่อมั่นของนักลงทุน
เตรียมพร้อมเพื่อค้ำประกันการมีไฟฟ้าใช้อย่างเพียงพอ
เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประชุมสภาแห่งชาติครั้งที่ 8 สมัยที่ 15 ได้ตัดสินใจที่จะเดินหน้าปฏิบัติโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในจังหวัดนิงถ่วนหลังจากหยุดชะงักมาเป็นเวลา 8 ปี การพัฒนาแหล่งพลังงานไฟฟ้านิวเคลียร์จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของแหล่งจัดสรร ค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานและการเปลี่ยนแปลงพลังงานสีเขียว ช่วยให้เวียดนามบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ตามคำมั่นที่ให้ไว้ในการประชุม COP26
การปฏิบัติโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ยังเป็นโอกาสเพื่อให้เวียดนามพัฒนาแหล่งบุคลากรที่มีคุณภาพสูง ยกระดับความสามารถด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมไฟฟ้านิวเคลียร์ทั่วโลก สามารถเรียนรู้และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนิวเคลียร์ของโลก ในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมพรรคสาขาจังหวัดนิงถ่วนเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม เลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม ได้ย้ำว่า
“พรรคและรัฐจะค้ำประกันการคัดเลือกเทคโนโลยีนิวเคลียร์ที่ดีที่สุด เลือกหุ้นส่วนที่ปรึกษาที่ดีที่สุดและฝึกอบรมแหล่งบุคลากรด้านการบริหารที่ดีที่สุดเพื่อค้ำประกันการปฏิบัติโครงการนี้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแต่สำหรับคนรุ่นปัจจุบันเท่านั้น หากยังรวมถึงคนรุ่นต่อๆไปอีกด้วย”
เพื่อค้ำประกันการจัดสรรไฟฟ้าอย่างเพียงพอและความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ โดยเฉพาะเมื่อประเทศกำลังอยู่ในกระบวนการพัฒนาเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่ทันสมัย ต้องมีการเตรียมการตั้งแต่เนิ่นๆ ตามการคำนวณ ภายในปี 2025 ด้วยความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12-13 ต้องเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าประมาณ 2,200-2,500 เมกะวัตต์ ด้วยการชี้นำที่เคร่งครัดของรัฐบาลและมาตรการแก้ไขอย่างมีประสิทธิภาพ เวียดนามสามารถจัดสรรไฟฟ้าได้อย่างเพียงพอในปี 2025 โดยในการกล่าวปราศรัยต่อที่ประชุมสรุปผลการลงทุนก่อสร้างโครงการสายส่งไฟฟ้า 500 kV 3 เฟส จากกว๋างแจก จังหวัดกว๋างบิ่งไปยังโฟ้โน้ย จังหวัดฮึงเอียน เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม ณ กรุงฮานอย นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำว่า
“ด้วยเป้าหมายการเติบโตเป็นเลข 2 หลัก การเติบโตของไฟฟ้าจะต้องเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่า และเราต้องพัฒนาประเทศตามแนวทางอุตสาหกรรมที่ทันสมัยและต้องมีความก้าวกระโดด ประเด็นที่ 2 คือต้องประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี นวัตกรรม โดยเฉพาะปัญญาประดิษฐ์ คลาวด์คอมพิวติ้งและอินเตอร์เน็ตในทุกสิ่งเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมไฟฟ้า ประเด็นที่ 3 คือ เดินหน้าความมุ่งมั่นและภาพลักษณ์ที่สวยงามของช่างไฟฟ้าในสายตาของประชาชนและสถานประกอบการ ผมหวังว่า ผลงานในปี 2025 จะสูงกว่าปี 2024 และไม่ปล่อยให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้า”
ในปี 2025 เครือบริษัทไฟฟ้าเวียดนามจะเร่งลงทุนก่อสร้างโครงการสำคัญๆ เช่น โรงไฟฟ้าพลังน้ำหว่าบิ่งส่วนต่อขยาย โรงไฟฟ้าพลังความร้อนกว๋างแจกหมายเลข 1 และสายส่งไฟฟ้า 500 kV ลาวกาย-หวิงเอียน เป็นต้น
ในช่วงปี 2026-2030 นายกรัฐมนตรีได้สั่งให้กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม คณะกรรมการบริหารเงินทุนของรัฐในสถานประกอบการ กลุ่มบริษัทและเครือบริษัทอิงตามความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 12-14 ต่อปีเพื่อจัดทำแผนการเกี่ยวกับแหล่งพลังงาน การกระจายไฟฟ้า การใช้ไฟฟ้าอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพและราคาพลังงานที่เหมาะสม เพื่อไม่ปล่อยให้เกิดการขาดแคลนไฟฟ้าในทุกสถานการณ์
โดยเฉพาะ นายกรัฐมนตรีให้เน้นถึงเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มความหลากหลายของแหล่งไฟฟ้า ค้ำประกันแหล่งไฟฟ้าพื้นฐาน เปลี่ยนจากการใช้พลังงานถ่านหินไปสู่การผลิตไฟฟ้าสะอาด และปฏิบัติตามคำมั่นของเวียดนามในการประชุม COP26
ควบคู่กันนั้น ต้องก่อตั้งและพัฒนาอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน พัฒนาระบบกักเก็บไฟฟ้าให้มีความเข้มแข็ง พัฒนาโครงการไฟฟ้าพลังงานลมนอกชายฝั่ง แก้ไขอุปสรรค์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการไฟฟ้าหมุนเวียน
ทั้งนี้ การเติบโตที่เข้มแข็งของเศรษฐกิจเวียดนามบวกกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความต้องการพลังงานที่นับวันเพิ่มขึ้น จำเป็นต้องมีโครงสร้างพลังงานใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการภายในประเทศและลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล โดยการค้ำประกันพลังงานอย่างเพียงพอจะช่วยให้เวียดนามสามารถบรรลุเป้าหมายการพัฒนาประเทศ.