อียูระบุความท้าทายต่างๆ ต่อสถานะของกลุ่มในอนาคต
Quang Dung- VOV5 -  
(VOVWORLD) -เมื่อวันที่ 10 กันยายน นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้กล่าวสุนทรพจน์ State of the Union ประจำปีในการประชุมรัฐสภายุโรปหรือ EP โดยย้ำว่า สหภาพยุโรปหรือ EU ต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของตนในสภาวการณ์ที่สถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจโลกนับวันสร้างความท้าทายต่างๆ ต่ออียู
นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (Photo:REUTERS/Yves Herman) |
การกล่าวสุนทรพจน์ State of the Union ประจำปีเมื่อวันที่ 10 กันยายนเป็นกิจกรรมประกาศนโยบายประจำปีของอียู ซึ่งดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมากจากประชามติเนื่องจากนับวันมีการถกเถียงเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัตินโยบายด้านการค้าของคณะกรรมาธิการยุโรปหรือ EC โดยเฉพาะข้อตกลงการค้าที่ได้ลงนามกับสหรัฐเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
การต่อสู้เพื่ออนาคต
ในสุนทรพจน์ State of the Union ปีนี้ นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ได้ประกาศแนวทางและนโยบายใหม่ของ EU โดยเฉพาะปัญหาการต่างประเทศ โดยเห็นว่า EU กำลังต้องต่อสู้เพื่ออนาคตที่เอกราช สันติภาพในโลกที่นับวันมีความผันผวน ซึ่งในนั้น ระเบียบโลกที่ตั้งอยู่บนอำนาจกำลังได้รับการจัดตั้งและประเทศมหาอำนาจต่างๆในโลกมีท่าทีที่ไม่ชัดเจนหรือเป็นอริกับยุโรป
สำหรับปัญหาด้านภาษีของสหรัฐและข้อตกลงการค้าที่ EU ลงนามกับสหรัฐเมื่อเดือนก่อน ซึ่ง EU ยอมรับการที่สหรัฐเก็บภาษีต่อสินค้าที่นำเข้าจากอียูร้อยละ 15 นาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ได้ปกป้องการตัดสินใจดังกล่าวของ EC เนื่องจากเห็นว่า ข้อตกลงกับสหรัฐจะนำความมีเสถียรภาพมาให้แก่ความสัมพันธ์ระหว่าง EU กับสหรัฐในสภาวการณ์ที่สถานการณ์โลกมีความไร้เสถียรภาพ พร้อมทั้งเตือนเกี่ยวกับความไร้เสถียรภาพด้านเศรษฐกิจและการเมืองที่ EU ต้องเผชิญถ้าหากเกิดสงครามการค้าในรอบด้านกับสหรัฐและยอมรับโดยปริยายต่อการแลกผลประโยชน์ด้านเศรษฐกิจกับความมีเสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์โดยเห็นว่า สิ่งที่ EU ต้องทำคือพยายามผลักดันความร่วมมือกับหุ้นส่วนการค้าในทั่วโลกเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตน
“พวกเราต้องพยายามสองเท่าในการเพิ่มความหลากหลายของหุ้นส่วนเนื่องจากการแลกเปลี่ยนทางการค้าของอียูร้อยละ 80 คือการแลกเปลี่ยนกับประเทศอื่นๆนอกเหนือจากสหรัฐ ดังนั้น ต้องใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่ ในสภาวการณ์ที่ระบบการค้าโลกมีความไร้เสถียรภาพ ยุโรปต้องค้ำประกันกฎหมายสากลผ่านข้อตกลงที่ได้ลงนามกับเม็กซิโก กลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่างหรือ MERCOSUR เสร็จสิ้นการเจรจาครั้งประวัติศาสตร์กับอินเดียในปลายปีนี้”
ซึ่งจุดยืนนี้ของนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยนได้รับการสนับสนุนจากบรรดาผู้นำยุโรป ก่อนหน้านั้น นายกรัฐมนตรีเยอรมนี Friedrich Merz ยังเห็นว่า ยุโรปต้องประเมินอีกครั้งถึงผลประโยชน์ของตน โดยไม่ขึ้นอยู่กับพันธมิตรที่สำคัญที่สุดคือสหรัฐ
“พวกเราไม่ควรและไม่สามารถรอคอยสหรัฐค้ำประกันความมั่นคงให้แก่ยุโรปและต้องเข้าใจว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปกับสหรัฐกำลังเปลี่ยนแปลง สหรัฐกำลังประเมินอีกครั้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ของพวกเขา ดังนั้น ยุโรปต้องปรับปรุงผลประโยชน์ของตน”
แต่อย่างไรก็ดี ยุทธศาสตร์ใหม่นี้ของ EC และนาง เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ได้ถูกคัดค้านจากกลุ่ม "ผู้รักชาติเพื่อยุโรป"หรือ PfE ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองใหญ่อันดับ 3 ใน EP โดยกลุ่มนี้ได้เสนอให้จัดการลงคะแนนไม่ไว้วางใจ EC เนื่องจากเห็นว่า EC มีปฏิบัติการที่ส่งผลกระทบต่อการพึ่งตนเองเชิงยุทธศาสตร์ของ EU เมื่อยืนหยัดข้อตกลงการค้าที่สร้างความถกเถียง
ศักยภาพเศรษฐกิจที่ไม่ชัดเจน
นอกจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานะในอนาคตแล้ว ภาพรวมเศรษฐกิจของบรรดาประเทศสมาชิกอียูยังไม่ชัดเจน โดยเมื่อวันที่ 11 กันยายน หลังการประชุมสภาผู้ว่าการธนาคาร ธนาคารกลางยุโรปหรือ ECB ได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยขั้นพื้นฐานให้อยู่ที่ร้อยละ 2 ซึ่งเป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกันที่ ECB คงดอกเบี้ยหลังจากที่ปรับลดครึ่งหนึ่งเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา การประกาศดังกล่าวชี้ชัดว่า อัตราเงินเฟ้อเหมาะกับเป้าหมายในระยะกลางและราคามีการเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก โดย ECB พยากรณ์ว่า อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรโซนจะอยู่ที่ร้อยละ 2.1 ในปี 2025 และร้อยละ 1.7 ในปี 2026 แต่อย่างไรก็ดี นาง Christine Lagarde ประธาน ECB เห็นว่า แม้อัตราเงินเฟ้อและการพยากรณ์การขยายตัวทางเศรษฐกิจของเขตยูโรโซนมีเสถียรภาพ แต่ยังมีหลายปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบในเชิงลบ ดังนั้น ต้องมีความระมัดระวัง ส่วนบรรดาผู้สังเกตการณ์เห็นว่า ข้อมูลต่างๆที่ประกาศเมื่อเร็วๆนี้พิสูจน์ให้เห็นถึงการพยากรณ์ของ ECB ว่า อัตราการขยายตัวของเขตยูโรโซนในปีนี้อาจอยู่ที่ร้อยละ 1.2 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ที่ประกาศก่อนหน้านั้น แต่อย่างไรก็ตาม มีอย่างน้อย 4 ปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อศักยภาพนี้ ซึ่งประกอบด้วย ผลกระทบในระยะยาวจากอัตราภาษีของสหรัฐ การใช้จ่ายภาครัฐอยู่ในระดับสูงในเยอรมนี ซึ่งเป็นเศรษฐกิจรายใหญ่ที่สุดของ EU การปรับลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐหรือ Fed และความไร้เสถียรภาพทางการเมืองในฝรั่งเศส ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวและอัตราเงินเฟ้อของกลุ่ม นาง Christine Lagarde ยังเห็นว่า ประเด็นหลักของยุโรปในช่วงนี้คือการตรวจสอบอย่างเข้มแข็ง ถอดบทเรียนจากการแลกเปลี่ยนทางการค้ากับสหรัฐและเตรียมพร้อมรับมือกับผลกระทบ ซึ่งบรรดานักวิเคราะห์มองว่านี่คือการที่ ECB เตรียมธำรงวิธีการเข้าถึงอย่างระมัดระวังต่อนโยบายดอกเบี้ยและคงอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว.
Quang Dung- VOV5