ตั้งแต่ปี 2000 มาจนถึงปัจจุบัน กำลังการผลิตของแรงงานในเวียดนามได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 3 ต่อปี โดยสูงที่สุดคือการเพิ่มขึ้นในด้านอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง ถ้าหากเปรียบเทียบระหว่างกำลังการผลิตของแรงงานเวียดนามกับแรงงานประเทศอื่นๆในกลุ่มอาเซียน ความแตกต่างมีไม่มากนักแต่ถ้าหากเปรียบเทียบกับบรรดาประเทศพัฒนา กำลังการผลิตของแรงงานเวียดนามยังถือว่าต่ำมาก

นายเหงียนแองต๊วน อธิบดีสถาบันผลผลิตเวียดนามเผยว่า เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงาน ประเทศต่างๆได้เน้นการยกระดับกำลังการผลิตโดยรวม เช่น เพิ่มแหล่งเงินทุนและนำเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ทันสมัยมาใช้ เวียดนามเป็นประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งในระยะนี้ การเพิ่มแหล่งเงินทุนเป็นเรื่องสำคัญแต่อย่างไรก็ตาม เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนและให้ตามทันบรรดาประเทศพัฒนา เวียดนามต้องให้ความสนใจมากขึ้นต่อการเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงานผ่านการพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี เทคนิค ทักษะความสามารถของแรงงานและประสิทธิภาพการสนับสนุนของระบบเศรษฐกิจ การลงทุนด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีต้องสอดคล้องกับกำลังการผลิตของแรงงานในระดับประเทศ นายต๊วนกล่าวว่า “ ถ้าหากเรามีสาขาอาชีพที่มีกำลังการผลิตต่ำ ใช้แรงงานเยอะแต่ให้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจต่ำก็จะทำให้กำลังการผลิตของแรงงานทั้งประเทศอยู่ในระดับต่ำ ดังนั้น ต้องลงทุนเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่มีกำลังการผลิตสูงและยกระดับทักษะความสามารถในการบริหาร ผลักดันการปรับปรุงสถานประกอบการเพื่อให้พวกเขามีความภาคภูมิใจว่า ตนเองเป็นสถานประกอบการที่ดีที่สุด ซึ่งจะส่งผลให้กำลังการผลิตของแรงงานเวียดนามเพิ่มขึ้น”

ตามทฤษฎี ถ้าหากอยากเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงาน จำเป็นต้องปรับปรุงโครงสร้างและให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆต่ออาชีพที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง ปัจจุบันนี้ เวียดนามยังเน้นลงทุนอุตสาหกรรมรับจ้างผลิต อุตสาหกรรมขุดเจาะแร่ธาตุและการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน โดยไม่ได้ให้ความสนใจมากนักต่อการลงทุนด้านอุปกรณ์ หน่วยงานการเกษตรส่วนใหญ่ใช้แรงงานที่ไร้ฝีมือและพัฒนาการผลิตในระดับครัวเรือนเท่านั้น ส่วนหน่วยงานการบริการก็มีมูลค่าทางเศรษฐกิจน้อยมาก ดังนั้นหนึ่งในมาตรการแก้ไขคือการปรับเปลี่ยนโครงสร้างแรงงานจากหน่วยงานที่มีผลผลิตต่ำไปยังหน่วยงานที่มีผลผลิตสูง ควบคู่กับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจ ต้องเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงานผ่านการยกระดับทักษะความสามารถของแรงงาน พร้อมกับการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่ทันสมัยและการขยายตลาด การส่งเสริมการส่งออกสินค้าที่มีมูลค่าสูง นายเหงียนมิงฟอง ผู้เชี่ยวชาญเศรษฐกิจเผยว่า             “ในด้านอุตสาหกรรม เราได้มีแนวทางที่ถูกต้องคือ ให้การสนับสนุนเป็นพิเศษต่อการพัฒนาอุสาหกรรมประกอบ โดยเฉพาะหน่วยงานที่มีโอกาสเข้าร่วมซัพพลายเชนทั่วโลก เวียดนามต้องพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีการแปรรูปและเทคโนโลยีที่มีความแม่นยำ ส่วนหน่วยงานการเกษตรต้องเน้นลงทุนด้านการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงและเกษตรอินทรีย์ ตั้งแต่การคัดเลือกพันธุ์พืชจนถึงขั้นตอนต่างๆในการผลิต ในด้านบริการ ควรเน้นหน่วยงานธนาคาร การเงินและโทรคมนาคม ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง”

ปัจจัยที่มีส่วนร่วมเพิ่มกำลังการผลิตก็คือแรงงานเพราะในกรณีที่มีจำนวนแรงงานเท่าๆกัน แต่ถ้าหากมีเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ดีกว่า แรงงานก็จะมีกำลังการผลิตเพิ่มมากขึ้น นายเยืองดึ๊กเลิน อธิบดีกรมสอนอาชีพสังกัดกระทรวงแรงงาน ทหารทุพพลภาพและสังคมเผยว่า เพื่อเพิ่มผลผลิต ต้องคำนึงถึงเทคโนโลยีและฝีมือของแรงงาน ดังนั้นต้องให้ความสนใจถึงการฝึกสอนอาชีพ “ แรงงานเป็นปัจจัยที่ส่งผลโดยตรงถึงกำลังการผลิต ถ้าหากเราให้ความสนใจลงทุนในด้านนี้ก็สามารถเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงานได้ ปัจจุบัน การลงทุนในการฝึกสอนอาชีพอยู่ที่ร้อยละ 9 เท่านั้นในจำนวนงบประมาณที่จัดให้แก่การศึกษาและฝึกอบรม” ควบคู่กับการปฏิบัติมาตรการแก้ไขอย่างพร้อมเพรียงและมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการปรับปรุงระเบียบเศรษฐกิจเชิงตลาดให้มีความสมบูรณ์ เวียดนามต้องเน้นลงทุนการฝึกอบรมแหล่งบุคลากร ผลักดันการเปลี่ยนแปลงใหม่วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและสร้างพลังขับเคลื่อนเพื่อเร่งเพิ่มกำลังการผลิตของแรงงาน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ผลักดันการพัฒนาอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ลดช่องว่างของการพัฒนากับประเทศอื่นๆในภูมิภาค.