(VOVWORLD) -โครงการและกิจการหลักต่างๆของประเทศ เช่น ถนนไฮเวย์เหนือจรดใต้ เครือข่ายไฟฟ้า ท่าเรือที่ทันสมัย โครงสร้างพื้นฐานระบบ 5 จี โครงการพัฒนาระบบคมนาคมในตัวเมืองกำลังได้รับการปฏิบัติ โดยโครงการเหล่านี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของจิตใจแห่งความพยายาม การพึ่งตนเอง เป็นพลังขับเคลื่อนเพื่อนำประเทศให้ก้าวรุดหน้าไปบนเส้นทางแห่งการผสมผสานและการพัฒนา
สะพานแหรกเหมียว 2 (Photo:VTC News) |
สะพานแหรกเหมียว 2 ข้ามแม้น้ำเตี่ยนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดด่งท๊าปกับจังหวัดหลิงลองได้รับการเปิดใช้งานเมื่อวันที่ 19 สิงหาคมภายหลังก่อสร้างมาเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งการเปิดใช้งานสะพานนี้ ตอบสนองความต้องการเดินทางและการขนส่งในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง เชื่อมโยงการแลกเปลี่ยนการค้ากับนครโฮจิมินห์อย่างรวดเร็ว สนับสนุนการขนส่งผลิตภัณฑ์การเกษตรและสัตว์น้ำไปยังตลาดใหญ่ ลดต้นทุนโลจิสติกส์ ดึงดูดการลงทุน ขยายการผลิตอุตสาหกรรม สินค้าศิลปหัตถกรรมและการพัฒนาการท่องเที่ยว ยกระดับชีวิตทางสังคมและสวัสดิการสังคมของประชาชน นาย หวิ่งหงอกกวาง ชาวจังหวัดหวิงลอง ได้เผยว่า
“ประชาชนจังหวัดเบ๊นแจรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเมื่อสะพานแหรกเหมียว 2 ได้รับการเปิดใช้งาน ซึ่งช่วยแก้ไขปัญหาจราจรติดขัด เอื้อให้แก่การเดินทางอย่างปลอดภัย พวกเราขอขอบคุณพรรคและรัฐที่ได้ให้ความสนใจก่อสร้างสะพานแหรกเหมียว 2 เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคมในเขตที่ราบลุ่มแม่น้ำโขง”
เส้นทางไฮเวย์จากจังหวัดหลางเซินถึงจังหวัดก่าเมาเริ่มได้รับการเปิดใช้งาน มีส่วนร่วมปฏิบัติเป้าหมายการก่อสร้างเส้นทางไฮเวย์ 3,000 กิโลเมตรในปีนี้ตามมติของพรรคเกี่ยวกับการสร้างก้าวกระโดดด้านโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งโครงการก่อสร้างถนนไฮเวย์เหนือจรดใต้ทางทิศตะวันออก ถนนวงแหวนหมายเลข 3 นครโฮจิมินห์ ถนนวงแหวนหมายเลข 4 นครหลวง เส้นทางที่เชื่อมโยงเขตเตยเงวียนและเขตเขาภาคเหนือ เป็นต้น มีส่วนช่วยลดระยะเวลาในการเดินทาง ผลักดันการแลกเปลี่ยนสินค้า การพัฒนาการท่องเที่ยวและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้านเศรษฐกิจ นอกจากนี้ โครงการพัฒนาคมนาคมในตัวเมือง เช่น เส้นทางรถไฟฟ้าตัวเมืองหมายเลข 1 เบ๊นแถ่ง - สวยเตียนในนครโฮตจิมินห์ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ใหม่ของตัวเมืองอัจฉริยะ ในพิธีเปิดโครงการนี้เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นาย เหงวียนวันเดือก ประธานคณะกรรมการประชาชนนครโฮจิมินห์ได้ย้ำว่า
“การเปิดให้บริการรถไฟฟ้าตัวเมืองหมายเลข 1 ไม่เพียงแต่เป็นความสุข ความภาคภูมิใจของนครโฮจิมินห์เท่านั้น หากยังเปิดหน้าใหม่ในกระบวนการพัฒนาการคมนาคมในตัวเมืองที่ทันสมัยของประเทศอีกด้วย”
จากการเป็นประเทศที่มีแนวชายฝั่งยาว 3,260 กิโลเมตร มีพื้นที่ 1 ล้านตารางกิโลเมตรที่ผ่านจังหวัดและนคร 28 แห่ง เวียดนามถือระบบท่าเรือและโลจิสติกส์เป็นประตูสู่โลก โดยตั้งความหวังว่า จะกลายเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์ใหญ่ของภูมิภาค ซึ่งท่าเรือน้ำลึกที่ทันสมัยได้รับการเปิดใช้งานและต้อนรับเรือที่มีขนาดระวางบรรทุกนับแสนตันที่เชื่อมโยงระหว่างเวียดนามกับเส้นทางการเดินเรือระหว่างประเทศ ส่วนพื้นที่ท่าเทียบเรือICD คลังสินค้า และระบบโลจิสติกส์ที่ทันสมัย ค้ำประกันการขนส่งสินค้าเวียดนามไปยังยุโรปและภูมิภาคอเมริกา ลดเวลา ลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มทักษะความสามารถในการแข่งขัน เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ที่นครไฮฟอง ท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Hateco ที่แหลกเหวียนเริ่มใช้บริการ นี่เป็นท่าเรือน้ำลึกแห่งแรกที่ภาคเอกชนลงทุนก่อสร้าง นาย เหงวียนดึ๊กเถาะ อดีตรองประธานคณะกรรมการประชาชนนครไฮฟองได้เผยว่า
“การเปิดใช้งานท่าเรือตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างประเทศ Hateco เป็นกิจกรรมที่สำคัญ มีส่วนร่วมตอบสนองความต้องการในการขนส่งสินค้าในภูมิภาคและโลก ช่วยเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือไฮฟองกับท่าเรือใหญ่ต่างๆในโลก ลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์และสร้างรายได้เข้าประเทศ”
พิธีเปิดใช้ระบบสายเคเบิลระหว่างประเทศที่มีความยาว 3 ,900 กิโลเมตรที่ผ่าน 5 ประเทศได้แก่เวียดนาม ลาว ไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ (Photo: VNPT) |
นอกจากโครงการคมนาคมแล้ว โครงสร้างพื้นฐานด้านไฟฟ้าต่างๆมีส่วนร่วมต่อการพัฒนาหน่วยงานพลังงานของประเทศ ซึ่งโครงการไฟฟ้าสาย 500 kV ลาวกาย-หวิงเอียน โรงไฟฟ้าพลังน้ำหว่าบิ่งส่วนขยาย เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่ค้ำประกันความมั่นคงด้านพลังงานเท่านั้น หากยังผลักดันการปรับเปลี่ยนไปสู่การใช้พลังงานสะอาดและยั่งยืนอีกด้วย
ส่วนการบริการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมสำหรับระบบ 5 จี และ Data Center ได้ช่วย สร้างพื้นฐานให้แก่เศรษฐกิจดิจิทัล รัฐบาลดิจิทัลและสังคมดิจิทัล เพิ่มทักษะความสามารถด้านเทคโนโลยี ความมั่นคงทางไซเบอร์ เมื่อวันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา เครือบริษัทโทรคมนาคมเวียดนามได้เปิดใช้ระบบสายเคเบิลระหว่างประเทศที่มีความยาว 3 ,900 กิโลเมตรที่ผ่าน 5 ประเทศได้แก่เวียดนาม ลาว ไทย มาเลเซียและสิงคโปร์ที่เชื่อมโยงระหว่างศูนย์เทคนิค VNPT ในนครดานังกับ Data Center ชั้นนำในภูมิภาค นาย เหงวียนแถ่งจุง อธิบดีกรมโทรคมนาคมสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้เผยว่า
“ ระบบสายเคเบิลระหว่างประเทศเป็นกิจการที่แสดงให้เห็นถึงจิตใจแห่งนวัตกรรม เป็นฝ่ายรุกในการผสมผสานและเป็นเจ้าของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลของเวียดนาม เป็นพื้นฐานที่สำคัญเพื่อปฏิบัติเป้าหมายการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่พร้อมเพรียง ทันสมัย เชื่อมโยงภายในประเทศและระหว่างประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นการแสดงให้เห็นถึงการเป็นฝ่ายรุก ความคล่องตัวของเครือบริษัท VNPT ในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ทันสมัย มีบทบาทหลักในกระบวนการปรับเปลี่ยนด้านดิจิทัลอย่างรอบด้านของประเทศ”
จากการดำเนินกิจการใหม่ต่างๆได้แสดงให้เห็นถึงการพัฒนา ความมุ่งมั่น การพึ่งตนเอง เป็นเจ้าของด้านเทคโนโลยีของเวียดนาม แสดงให้เห็นถึงความพยายาม ความสามัคคี ความเห็นพ้องเป็นเอกฉันท์ของทั้งระบบการเมืองและประชาชน ปฏิบัติความปรารถนาเกี่ยวกับประเทศเวียดนามที่เจริญเข้มแข้ง มีความเจริญรุ่งเรือและก้าวรุดหน้าไปในอนาคต.