ฟาร์มเลี้ยงไก่ของชาวบ้านด่ง ตำบลถุยแอง จังหวัดฮึงเอียน (baohungyen.vn)

ในพื้นที่กว่า 1 เฮกตาร์ ครอบครัวของนาย บุ่ยเงวียนเชิด ในหมู่บ้านดง ตำบลถุยแอง จังหวัดฮึงเอียน ได้พัฒนารูปแบบการเลี้ยงไก่ไข่ ซึ่งแตกต่างจากวิธีการเลี้ยงแบบดั้งเดิม เขาใช้เทคนิคการเลี้ยงไก่บนวัสดุรองพื้นชีวภาพ มูลไก่จะถูกกำจัดอย่างถูกวิธีในเล้าไก่ ไม่ก่อให้เกิดกลิ่นเหม็น และป้องกันโรคต่างๆ ส่งผลให้ฝูงไก่เติบโตอย่างดี ด้วยจำนวนไก่กว่า 6,000 ตัว ฟาร์มแห่งนี้สามารถส่งไข่ไก่ออกสู่ตลาดได้กว่า 3,000 ฟองต่อวัน วัสดุรองพื้นจะทำการเปลี่ยนปีละ 2-3 ครั้ง และถูกนำไปใช้เป็นปุ๋ย ซึ่งช่วยประหยัดต้นทุนและเพิ่มรายได้ นาย บุ่ยเงวียนเชิด กล่าวว่า

“ถ้าไม่ปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าว การเลี้ยงปศุสัตว์แบบฟาร์มก็ยากลำบาก ฟาร์มแบบครบวงจรต้องใช้วัสดุรองพื้นชีวภาพ ไก่หนึ่งฝูงต้องเลี้ยงนานกว่าหนึ่งปี และต้องเปลี่ยนวัสดุรองพื้นประมาณ 3-4 ครั้ง”

ในหมู่บ้านดง บางครอบครัวได้ประยุกต์ใช้รูปแบบการเลี้ยงเป็ดไข่ผสานกับการเลี้ยงปลา ชาวบ้านได้ปรับปรุงพื้นที่นาข้าวที่ไม่มีประสิทธิภาพให้เป็นบ่อน้ำ โดยสร้างโรงนาครบวงจรพร้อมระบบบำบัดน้ำเสียแบบหมุนเวียน เป็ดจะว่ายน้ำในบ่อน้ำเพื่อสร้างออกซิเจน ใช้ประโยชน์จากกากอาหารและของเสียในการเลี้ยงปลา ด้วยเหตุนี้ บ่อน้ำจึงสะอาดอยู่เสมอ ปลาจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว ลดต้นทุนอาหารสำหรับปลา พร้อมทั้ง ช่วยลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมและโรคปศุสัตว์ รูปแบบการเลี้ยงเป็ดไข่แบบผสมผสานระหว่างสวน บ่อปลาและฟาร์มได้ช่วยให้บางครอบครัวมีรายได้เกือบ 5.7-7.6 พันดอลลาร์สหรัฐต่อปี

รูปแบบการเชื่อมโยงการผลิตที่สหกรณ์การผลิตและจัดสรรพืชผักและสมุนไพรอานถิ่งฟาต ตำบลต๊งเจิน (baohungyen.vn)

ปัจจุบัน ตำบลถุยแองมี 300 ครอบครัวที่ประสบความสำเร็จจากรูปแบบเศรษฐกิจเกษตรหมุนเวียน การใช้ของเสียและผลพลอยได้จากการผลิตไม่เพียงแต่สร้างผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย ลดปริมาณขยะและรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น หากยังเปิดแนวทางใหม่สำหรับการเกษตรที่ทันสมัย ยั่งยืนและปรับตัวเข้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศอีกด้วย นาย โงวันฟุก นายกสมาคมเกษตรกรตำบลถุยแอง จังหวัดฮึงเอียนเผยว่า

“แนวร่วมปิตุภูมิและองค์กรอื่นๆ ได้ประสานงานกับโรงเรียนและหน่วยงานต่างๆ เพื่อจัดหลักสูตรฝึกอบรม ถ่ายทอดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และจัดหลักสูตรฝึกสอนอาชีพให้แก่แรงงานในชนบท ควบคู่กับการประชาสัมพันธ์และรณรงค์ให้สมาชิก รวมถึงเจ้าของฟาร์มและครัวเรือนใช้รูปแบบการผลิตเกษตรครบวงจร”

ความสำเร็จของรูปแบบเศรษฐกิจเกษตรหมุนเวียนในถุยแองไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มรายได้และปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนเท่านั้น หากยังช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม รักษาพื้นที่ชนบทให้เขียวขจี สะอาดและสวยงามอีกด้วย พร้อมทั้ง เป็นประสบการณ์เพื่อขยายผลและสร้างการเกษตรที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพและยั่งยืนอีกด้วย

ส่วนที่ตำบลต๊งเจิน สหกรณ์ผลิตผักและพืชสมุนไพรอานถิ่งฟาตเป็นหนึ่งในตัวอย่างดีเด่นของการผลิตเกษตรสีเขียวที่ประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บนพื้นที่กว่า 3 เฮกตาร์ นาย บุ่ยวันเฟือง ผู้อำนวยการสหกรณ์ฯ ได้ลงทุนก่อสร้างระบบโรงเรือนสำหรับการปลูกเมล่อน แตงกวา พริกและมะเขือเทศตามมาตรฐาน VietGAP และเกษตรอินทรีย์ จากการปฏิบัติตามขั้นตอนการดูแลและเก็บผลผลิตอย่างเคร่งครัด ผลิตภัณฑ์ของสหกรณ์อานถิ่งฟาตจึงมีผลผลิตและคุณภาพสูงอยู่เสมอ และได้รับการตอบรับที่ดีจากตลาด เมื่อปี 2024 สหกรณ์ฯได้นำเมล่อนเกือบ 80 ตัน แตงกวามายาเกือบ 50 ตัน พริกหวานและมะเขือเทศ 12 ตันสู่ตลาด สร้างรายได้กว่า 113,700 ดอลลาร์สหรัฐ นาย บุ่ยวันเฟือง เผยว่า

“ปัจจุบัน เรามีผลิตภัณฑ์ 2 รายการที่ได้มาตรฐาน OCOP ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เมล่อนที่ได้มาตรฐาน OCOP ระดับ 4 ดาว และผลิตภัณฑ์แตงกวาที่ได้มาตรฐาน OCOP ระดับ 3 ดาว ปัจจุบันตลาดค่อนข้างมีเสถียรภาพ นอกจากการจัดสรรผลิตภัณฑ์ให้แก่หุ้นส่วนต่างๆ เพื่อนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ต เช่น GO! และ AEON แล้ว เรายังจัดสรรให้แก่ร้านค้าและช่องทางจำหน่ายสินค้าของขวัญ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีเป็นอย่างมาก”

สหกรณ์ผลิตและจัดสรรพืชผักและสมุนไพรอานถิ่งฟาต สร้างงานทำที่มั่นคงให้แก่แรงงาน 10 คน โดยมีรายได้ 5 - 9 ล้านด่งต่อคนต่อเดือน (baohungyen.vn)

ในเวลาที่จะถึง สหกรณ์อานถิ่งฟาตวางแผนที่จะขยายพื้นที่และเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรที่มีคุณภาพสูงและปลอดสารพิษสู่ตลาด นาย เหงียนวันจ๊าง รองผู้อำนวยการสำนักงานการเกษตรและสิ่งแวดล้อมจังหวัดฮึงเอียนแสดงความเห็นว่า

“นี่คือรูปแบบการผลิตทางการเกษตรที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง โดยใช้โรงเรือนเพื่อปลูกแตงโม ซึ่งเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้มูลค่าสูงของจังหวัดฯ นอกจากนี้ นี่ยังเป็นแนวทางใหม่ที่หน่วยงานการเกษตรและท้องถิ่นต่างๆกำลังส่งเสริมให้เกษตรกรที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและมีศักยภาพทางการเงินลงทุนในรูปแบบนี้”

ผลงานที่ได้บรรลุจากรูปแบบการเกษตรสีเขียวและเกษตรหมุนเวียนในฮึงเอียนได้แสดงให้เห็นว่า แนวทางนี้สอดคล้องกับแนวโน้มการพัฒนาที่ทันสมัยและยั่งยืนอย่างสมบูรณ์ การประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี การยกระดับจิตสำนึกในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและการใช้แรงงานในท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพได้ช่วยให้ประชาชนเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจและสร้างระบบนิเวศการผลิตที่ปลอดสารพิษและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นี่ไม่เพียงแต่เป็นพื้นฐานเพื่อให้ฮึงเอียนสามารถขยายพื้นที่การผลิตหลักต่อไปเท่านั้น หากยังเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าที่สามารถนำไปใช้ในพื้นที่อื่นๆ ต่อไปเพื่อมีส่วนร่วมสร้างการเกษตรเวียดนามที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สะอาดและยั่งยืนยิ่งขึ้นในอนาคต.