ความมั่นคงทางทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น

(VOVWORLD) - ภัยคุกคามแบบดั้งเดิมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงใหม่ๆ ในยุคเทคโนโลยีขั้นสูงกำลังคุกคามต่อความมั่นคงทางทะเลทั่วโลก นี่คือคำเตือนของสหประชาชาติในสภาวการณ์ที่ความไร้เสถียรภาพระดับโลกทำให้ความมั่นคงทางทะเลเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น
ความมั่นคงทางทะเลทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายที่เพิ่มมากขึ้น - ảnh 1เรือบรรทุกน้ำมันในทะเลแดง (THX)

 

คำเตือนดังกล่าวของสหประชาชาติมีขึ้นในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ภายใต้หัวข้อ “ความมั่นคงทางทะเล: การป้องกัน นวัตกรรม และความร่วมมือระหว่างประเทศในการรับมือความท้าทายที่เกิดขึ้นใหม่” เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม นี่คือการประชุมนัดที่ 2 ของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเกี่ยวกับความมั่นคงทางทะเลในรอบกว่า 2 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นของประชาคมระหว่างประเทศเกี่ยวกับความท้าทายในด้านที่มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก

ภัยคุกคามแบบดั้งเดิม

ในการอภิปราย นาย โฮเซ ราอูล มูลิโน ประธานาธิบดีปานามา ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานหมุนเวียนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในเดือนสิงหาคมได้ย้ำว่า การค้าโลกร้อยละ 80 ขนส่งผ่านทางทะเล ดังนั้น ความมั่นคงทางทะเลจึงเป็น “เส้นเลือด” ที่สำคัญที่สุด และมีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก แต่อย่างไรก็ตาม รายงานล่าสุดของสหประชาชาติและองค์การทางทะเลระหว่างประเทศหรือ IMO ได้ระบุว่า โลกกำลังเห็นถึงความไร้เสถียรภาพด้านความมั่นคงทางทะเลที่เพิ่มขึ้นอย่างน่ากังวล เหตุการณ์โจรสลัดและการปล้นเรือด้วยอาวุธที่รายงานในไตรมาสแรกของปี 2025 ได้เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 47.5  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยมีจุดร้อนระอุบางแห่งที่น่ากังวลเป็นพิเศษ เช่น ภูมิภาคอ่าวกินีในแอฟริกาตะวันตก มีการโจมตีเรือพาณิชย์ถึง 44 ครั้งในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 13 เดือน นาย อาร์เซนิโอ โดมิงเกซ เลขาธิการ IMO กล่าวว่า

“ความมั่นคงและปลอดภัยในการเดินเรือมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพของเศรษฐกิจ การพัฒนาการเดินเรือทางทะเลอย่างยั่งยืน และการดำรงชีพของผู้คนหลายล้านคน แต่ภัยคุกคามต่อการขนส่งทางทะเลเพิ่มมากขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อปี 2024 ได้เกิดเหตุการณ์โจรสลัดและการปล้นเรือกลางทะเลเกือบ 150 ครั้ง”

นาย วัลเดซี อูร์กีซา เลขาธิการองค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศหรือ INTERPOL  เผยว่า ภัยคุกคามแบบดั้งเดิมในภาคการเดินเรือ เช่น การปล้นกลางทะเลและโจรสลัดปล้นเรือ ยังคงเกิดขึ้นและเพิ่มสูงขึ้นในพื้นที่หลายแห่ง เช่น อ่าวกินีในแอฟริกาตะวันตก ช่องแคบมะละกา และทะเลแดง  นอกจากอ่าวกินีซึ่งไม่มั่นคงมาหลายปีแล้ว สถานการณ์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บริเวณช่องแคบมะละกากำลังเลวร้ายลงเป็นอย่างมาก เนื่องจากจำนวนการโจมตีเรือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา ที่น่ากังวลอย่างยิ่งคือ ภัยคุกคามแบบดั้งเดิมเหล่านี้นับวันมีความซับซ้อนมากขึ้นโดยไม่เพียงแต่โจมตีเรือและปล้นเรือขนส่งสินค้าเท่านั้น หากยังเชื่อมโยงกับองค์กรก่อการร้ายหรืออาชญากรรมทางการเงินในภูมิภาคอีกด้วย นาย วัลเดซี อูร์กีซา ย้ำว่า แนวโน้มนี้เป็นจุดเปลี่ยนในด้านความมั่นคงทางทะเล และจำเป็นต้องได้รับการเฝ้าติดตามมากขึ้น

ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี

นอกจากภัยคุกคามแบบดั้งเดิมแล้ว ความเสี่ยงทางเทคโนโลยียังสร้างความท้าทายต่อความมั่นคงทางทะเลอีกด้วย การโจมตีทางไซเบอร์สามารถขัดขวางเส้นทางการเดินเรือ ทำลายความปลอดภัยทางทะเล ทำให้ข้อมูลเชิงพาณิชย์ที่อ่อนไหวรั่วไหล และอาจก่อให้เกิดภัยต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ การที่เครือข่ายอาชญากรใช้เทคโนโลยีการติดตามเพิ่มมากขึ้นยังทำให้เรือมีความเสี่ยงต่อการถูกตรวจจับและโจมตีมากขึ้น แม้แต่ท่าเรือก็ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยจากภัยคุกคามใหม่เหล่านี้

ในสภาวการณ์ในปัจจุบัน ความไร้เสถียรภาพทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นอีกหนึ่งภัยคุกคามที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ต่อความมั่นคงทางทะเล การโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงโดยกลุ่มฮูธิในเยเมน ซึ่งเริ่มขึ้นในช่วงปลายปี 2023 หลังจากเกิดการปะทะในฉนวนกาซา ยังคงส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือทางทะเลทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การโจมตีเรือ Magic Seas และ Eternity C โดยฝีมือของกลุ่มฮูธิทำให้เรือ 2 ลำนี้จมลง ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 คน และทำให้เรืออีกหลายร้อยลำต้องเปลี่ยนเส้นทาง นาย โอซามา ราบี ประธานหน่วยงานบริหารจัดการคลองสุเอซหรือ SCA ของอียิปต์ กล่าวเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมว่า การโจมตีเรือพาณิชย์ในทะเลแดงโดยกลุ่มฮูธิได้ส่งผลกระทบในทางลบต่อกิจกรรมทางทะเลผ่านคลองสุเอซ ซึ่งเชื่อมทะเลเมดิเตอร์เรเนียนกับทะเลแดง เนื่องจากจำนวนเรือขนส่งลดลงจาก 70-80 ลำต่อวัน เหลือเพียง 30-35 ลำต่อวัน รายได้จากคลองยังลดลงกว่าร้อยละ 60 ในปี 2024 จากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ลงเหลือ 3.99 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 ส่งผลกระทบเป็นอย่างมากต่อเศรษฐกิจของอียิปต์

ประธานาธิบดีปานามา โฮเซ ราอุล มูลิโน กล่าวว่า เพื่อรับมือและบรรเทาผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ ประเทศต่างๆ จำเป็นต้องธำรงและปกป้องกฎหมายและข้อบังคับระหว่างประเทศ ควบคู่กับการค้ำประกันการเข้าถึงเส้นทางเดินเรือสำคัญอย่างเท่าเทียมกันสำหรับทุกฝ่าย ผู้นำปานามายกตัวอย่างคลองปานามา ซึ่งในตลอด 25 ปีที่ผ่านมา คลองปานามาได้เพิ่มขีดความสามารถในการรองรับเรือเป็น 2 เท่า และความปลอดภัยของคลองปานามา.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด