English Vietnamese Chinese French German Indonesian Japanese Khmer Korean Laotian Russian Spanish Thai

21°C - 31°C

เวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ด้านการค้าระหว่างประเทศ

(VOVWORLD) - หลังจากที่สหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้าส่งออกของเวียดนาม เวียดนามได้มีแผนการรับมือที่ยืดหยุ่นและเหมาะสม ภายหลังการเจรจาทางโทรศัพท์ระหว่างเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม กับประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เป็นประธานการประชุมครั้งต่างๆ เพื่อเสนอมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมและครอบคลุมในทุกช่องทาง ตั้งแต่การเมืองไปจนถึงการทูตและเศรษฐกิจเพื่อรับมือนโยบายภาษีของสหรัฐ   
เวียดนามเป็นฝ่ายรุกในการปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ด้านการค้าระหว่างประเทศ - ảnh 1 เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้เป็นประธานการประชุมเพื่อเสนอมาตรการแก้ไขที่เหมาะสมและครอบคลุมในทุกช่องทาง

ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายนจนถึงปัจจุบัน ผู้นำของพรรคและรัฐเวียดนามได้จัดการประชุมและการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์หลายครั้งเพื่อหารือเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขอุปสรรคด้านภาษีศุลกากรที่ทางการสหรัฐเรียกเก็บ เพื่อค้ำประกันผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายอย่างกลมกลืน

ปฏิบัติมาตรการในเชิงรุก

เจตนารมณ์ของรัฐบาลเวียดนามคือการเข้าถึงและการแก้ไขปัญหาต้องเป็นไปอย่างครอบคลุม ทั้งมาตรการด้านภาษีศุลกากรและด้านที่ไม่ใช่ภาษีศุลกากร เพื่อมีการคัดเลือกอย่างชาญฉลาด ยืดหยุ่น สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากที่สุด เวียดนามกำลังมุ่งสู่การเจรจารายการสินค้าที่เก็บภาษีที่เท่าเทียมกัน และนำผลประโยชน์มาสู่ทั้งสองฝ่าย ใช้มาตรการทางการเมือง การทูต เศรษฐกิจ การลงทุนและการค้าอย่างพร้อมเพรียง โดยใช้ประโยชน์จากการสนับสนุนของสถานประกอบการทั้งภายในและต่างประเทศ สถานประกอบการสหรัฐและสถานประกอบการที่มีเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศหรือ FDI ในเวียดนามเพื่อมีมาตรการเจรจาที่เหมาะสม

ดังนั้น แต่ละกระทรวงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงมีหน้าที่ความรับผิดชอบในงานของตน โดยกระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมจะศึกษานโยบายของสหรัฐอย่างรอบคอบและทบทวนการเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐที่เวียดนามมีความต้องการและเป็นประโยชน์ต่อการนำเข้า ส่งเสริมการเจรจาเพื่อยกระดับข้อตกลงการค้าทวิภาคีเวียดนาม-สหรัฐ

กระทรวงการคลังทำหน้าที่ทบทวนการเก็บภาษีและขยายนโยบายให้สิทธิพิเศษด้านภาษีนำเข้าให้สอดคล้องกับข้อตกลงระดับสูงระหว่างเลขาธิการใหญ่พรรค โตเลิม และประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังสั่งให้เอกอัครราชทูตและหัวหน้าสำนักงานตัวแทนการทูตในต่างประเทศเกาะติดสถานการณ์ เสนอมาตรการแก้ไขที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเชื่อมโยงสถานประกอบการ การเชื่อมโยงระหว่างสองเศรษฐกิจ การเชื่อมโยงเวียดนามกับภูมิภาค เพื่อให้เวียดนามสามารถปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่ได้

ก่อนหน้านั้น ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ไขความกังวลทางการค้าของทางการประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ในเชิงรุกอย่างเข้มแข็ง โดยผู้นำพรรค รัฐและผู้บริหารของกระทรวงและหน่วยงานต่างๆ ได้ติดต่อและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในทุกช่องทางกับสหรัฐ ในช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ใช้เวลากว่า 3 ชั่วโมงเพื่อรับฟังความคิดเห็นของเครือบริษัทและสถานประกอบการขนาดใหญ่ของสหรัฐ ควบคู่กันนั้น เวียดนามได้แก้ไขข้อกังวลของฝ่ายสหรัฐในเบื้องต้น โดยเฉพาะการลดภาษีนำเข้า 23 รายการ ซึ่งสร้างเงื่อนไขที่เป็นประโยชน์ต่อสถานประกอบการของสหรัฐในการลงทุนและประกอบธุรกิจในเวียดนาม พร้อมทั้ง พยายามส่งเสริมดุลการค้าระหว่างทั้งสองประเทศผ่านสัญญาซื้อสินค้าจากสหรัฐ

ปฏิรูปและส่งเสริมพลังที่เข้มแข็งภายในประเทศ  

ควบคู่กับการเจรจาด้านภาษีศุลกากรกับสหรัฐ รัฐบาลเวียดนามยังได้กำชับให้เร่งการเพิ่มความหลากหลายของตลาดส่งออก โดยจะใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าเสรีหรือ FTA ที่ได้ลงนามบนเจตนารมณ์แห่งการเพิ่มความหลากหลายของตลาด ผลิตภัณฑ์และห่วงโซ่อุปทาน การยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ ส่งเสริมตลาดดั้งเดิมและเจาะตลาดที่มีศักยภาพ ส่งเสริมการเติบโตของเศรษฐกิจหมุนเวียน เศรษฐกิจดิจิทัลและเศรษฐกิจสีเขียว เป็นต้น

นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ยังเสนอให้สถานประกอบการส่งเสริมการค้า และขยายตลาดไปยังตะวันออกกลาง เอเชียกลาง แอฟริกา เอเชียตะวันออกเฉียงเหนือ และตลาดที่มีศักยภาพต่าง ๆ  รวมทั้งการทบทวนนโยบายการออกวีซ่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่การส่งเสริมการค้า

ตามความเห็นของบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ นี่เป็นโอกาสเพื่อให้เวียดนาม ขยายและพัฒนาตลาดที่มีอยู่ผ่านการยกระดับมาตรฐาน คุณภาพและแบรนด์สินค้า

ในระยะยาว เวียดนามจะยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันผ่านการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐาน บุคลากรและนวัตกรรม ในการกล่าวปราศรัยในการประชุมระหว่างนายกรัฐมนตรีกับกระทรวง หน่วยงานและสำนักงานตัวแทนเวียดนามในต่างประเทศ สมาพันธ์และสถานประกอบการ เมื่อวันที่ 7 เมษายน นายกรัฐมนตรี ฝ่ามมิงชิ้ง ได้ย้ำถึงทัศนะในการสร้างเศรษฐกิจที่เป็นอิสระและพึ่งพาตนเอง ผสมผสานเข้ากับกระแสโลกอย่างกว้างลึก จริงจังและมีประสิทธิภาพ

“เศรษฐกิจเวียดนามยังคงเป็นเศรษฐกิจแห่งการปรับเปลี่ยน เรายังคงเป็นประเทศกำลังพัฒนา มีขนาดเศรษฐกิจที่เล็ก ดังนั้น ความผันผวนจึงถือเป็นโอกาส ถึงแม้ว่าจะมีความท้าทายและความยากลำบากมากมาย แต่ก็เป็นโอกาสเพื่อปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ เป็นโอกาสเพื่อให้เราก้าวรุดหน้าต่อไปอย่างแข็งแกร่ง พึ่งพาตนเองและเติบโตมากขึ้น

การปรับตัวอย่างฉับไวของเวียดนามในการรับมือนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐเป็นการบ่งบอกว่าเวียดนามกำลังพยายามประสานงานอย่างใกล้ชิดกับสหรัฐเพื่อส่งเสริมการค้าต่างตอบแทนตามแนวทางนำผลประโยชน์มาสู่ทั้งสองฝ่ายและผสมผสานเข้ากับกระแสเศรษฐกิจโลกอย่างเข้มแข็ง.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

คำติชม

ข่าวอื่นในหมวด