(VOVWORLD) -ในหลายวันที่ผ่านมา ความผันผวนในตลาดการค้าและการเงินโลกเนื่องจากนโยบายด้านภาษีของสหรัฐได้ทำให้ประชามติตั้งคำถามเกี่ยวกับบทบาทขององค์การการค้าโลกหรือ WTO หลังการก่อตั้งมายาวนานถึง 30 ปี
สำนักงานของ WTO ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Photo:Getty Images/TTXVN) |
เมื่อวันที่ 9 เมษายน ในการประชุมของสภาการค้าสินค้าหรือ CTG ของ WTO เป็นเวลา 2 วัน ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตัวแทนของจีน สหภาพยุโรปหรืออียู สวิตเซอร์แลนด์ แคนาดา และบราซิล ได้เรียกร้องให้ยกระดับบทบาทของ WTO ในสภาวการณ์ที่กลไกการค้าพหุภาคีมีความเสี่ยงที่จะถูกทำลาย
คำถามต่อ WTO
คำเรียกร้องของบรรดาประเทศสมาชิก WTO ได้มีขึ้นในสภาวการณ์ที่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจประเมินว่า การค้าโลกกำลังเผชิญกับหนึ่งในวิกฤตที่ใหญ่ที่สุดในรอบหลายทศวรรษ โดยเมื่อวันที่ 2 เมษายน ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศเก็บภาษีต่างตอบแทนต่อกว่า 180 หุ้นส่วนเศรษฐกิจ ซึ่งการกระทำดังกล่าวของสหรัฐได้สร้างความผันผวนต่อตลาดการเงินโลกและทำให้โลกต้องเผชิญกับสงครามการค้าในทุกด้านเมื่อจีน อียูและแคนาดาออกมาตรการตอบโต้สหรัฐ แม้เมื่อวันที่ 10 เมษายน ประธานาธิบดีสหรัฐ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้เลื่อนการเก็บภาษีต่างตอบแทนออกไปเป็นเวลา 90 วันเพื่อทำการเจรจากับประเทศต่างๆ แต่ยังมีความเสี่ยงสูงที่สงครามการค้าจะเกิดขึ้นเนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน สองเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกที่ตอบโต้กันไปมาด้วยมาตรการเพิ่มภาษี
ความไร้เสถียรภาพทางการค้าในหลายวันที่ผ่านมาได้ทำให้หลายประเทศตั้งคำถามเกี่ยวกับ WTO บทบาทขององค์การนี้ในการบังคับใช้กฎหมายการค้าโลกและมีความกังวลว่า องค์การนี้มีความสามารถเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านการค้าที่นับวันซับซ้อนมากขึ้นเหมือนในปัจจุบันได้หรือไม่ นาย Jose Manuel Barroso อดีตประธานคณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยว่า วิกฤตในปัจจุบันได้ยืนยันถึงความจำเป็นที่ต้องธำรงพลังของ WTO
“เราไม่ต้องการสงครามการค้า เราต้องส่งเสริมให้ประเทศใหญ่ทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมการค้าที่เปิดกว้างและความเจริญรุ่งเรืองของโลก การก่อตั้ง WTO ก็เพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจที่เปิดกว้าง สามารถคาดการณ์สถานการณ์เศรษฐกิจและส่งเสริมการค้าบนพื้นฐานของกฎหมาย”
โอกาสในสภาวการณ์ที่เต็มไปด้วยความท้าทาย
นาง อึนกอซี โอคอนโจ-อิเวลลา ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ได้เผยว่า ความไร้เสถียรภาพในปัจจุบันทำให้เห็นถึงคุณค่าของ WTO ซึ่งเป็นเสาหลักในการสนทนาและความร่วมมือด้านการค้าโลกตามกฎหมายที่ยุติธรรมและโปร่งใส ซึ่งเป็นสิ่งที่บรรดาประเทศสมาชิก WTO กำลังค้นหา แต่ผู้อำนวยการใหญ่ WTO ก็ยอมรับว่า สหรัฐและประเทศต่างๆมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับ WTO และระบบการค้าพหุภาคี ดังนั้น ในสภาวการณ์นี้ WTO ต้องเป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือที่สุดเพื่อแก้ไขความขัดแย้งระหว่างเศรษฐกิจต่างๆและต้องทำการปฏิรูป WTO อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
“พวกเราสามารถใช้ความวิตกกังวลเพื่อเปลี่ยนแปลงระบบการค้าให้ดีขึ้น นี่เป็นโอกาสให้บรรดาประเทศสมาชิก WTO ร่วมมือกันเพื่อปกป้องการค้าร้อยละ 74 ของโลกที่กำลังปฏิบัติบนพื้นฐานของหลักปฏิบัติเยี่ยงชาติที่ได้รับอนุเคราะห์ยิ่งหรือ MFN”
ส่วนนาย Saqer Abdullah Almogbel เอกอัครราชทูตซาอุดิอาระเบียประจำ WTO และประธานสมัชชาใหญ่ WTO เผยว่า WTO กำลังร่วมกับบรรดาประเทศสมาชิกหารืออย่างจริงจังเกี่ยวกับการผลักดันการจัดทำกลไกใหม่เพื่อให้ WTO มีอำนาจมากขึ้นในการส่งเสริมการค้าเสรีตามกฎหมาย
“พวกเราจัดการทาบทามความคิดเห็นกับคณะผู้แทนประเทศต่างๆในสัปดาห์นี้เพื่อช่วยให้บรรดาสมาชิก WTO แสวงหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อแก้ไขความผันผวน เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญและบรรดาสมาชิกต้องมีการคัดเลือก หนึ่งคือยุติผลประโยชน์ที่ WTO นำมาให้แก่ความเจริญรุ่งเรืองของโลก สองคือสร้างสรรค์ผลประโยชน์ต่อไปบนพื้นฐานของผลสำเร็จของระบบการค้าบนพื้นฐานของกฎหมายในตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่าน ซึ่งช่วยให้โลกดีขึ้น”
ตามข้อมูลต่างๆของ WTO ที่ได้รับการประกาศในสัปดาห์นี้ ก่อนที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนเพิ่มขึ้น WTO ได้ประสานการแลกเปลี่ยนสินค้าประมาณร้อยละ 80 ของโลกแต่ปัจจุบันนี้ได้ลดลงร้อยละ 75 ซึ่งสิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า WTO ต้องมีปฏิบัติการอย่างรวดเร็วเพื่อป้องกันไม่ให้กรณีที่เลวร้ายเกิดขึ้นเพราะถ้าหากเกิดการเผชิญหน้าทางการค้า อัตราจีดีพีโลกอาจลดลงถึงร้อยละ 7 ในระยะยาว.